มากกว่าคู่ค้า เพราะเรา คือ ครอบครัวเดียวกัน: ภารกิจฟื้นฟูหลังน้ำลด ที่เริ่มด้วย “หัวใจ”

26 ธันวาคม 2568
มากกว่าคู่ค้า เพราะเรา คือ ครอบครัวเดียวกัน : ภารกิจฟื้นฟูหลังน้ำลด ที่เริ่มด้วย “หัวใจ”

ในวันที่สายฝนเริ่มแผ่วลง และม่านเมฆสีเทาหม่นที่เคยปกคลุมท้องฟ้าเมืองหาดใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยออกไป แสงแดดอ่อนบางก็เริ่มส่องผ่านร่องเมฆลงมาอย่างแผ่วเบา หากแต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่เบื้องหลังความกราดเกรี้ยวของสายน้ำ ไม่ได้มีเพียงความชื้นแฉะหรือข้าวของที่เสียหาย หากคือคราบโคลนสีน้ำตาลที่เกาะกินไปทั่วทุกอณูของอาคารบ้านเรือน และความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยความกังวลในดวงตาของพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก — ผู้เป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ แต่สำคัญยิ่งในการหล่อเลี้ยงลมหายใจของเมืองนี้

เสียงสะท้อนจากหลังบานประตูที่เปื้อนโคลน

“ไก่ทอดเดชาอยู่ตรงนี้มา 15 กว่าปี... แต่ครั้งนี้หนักที่สุด”

เสียงของ บังเลาะ (คุณยุทธนา) เจ้าของร้านไก่ทอดเดชา ร้านในตำนานคู่เมืองหาดใหญ่ เอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวล ภาพที่คุ้นตาของเตาทอดที่เคยร้อนฉ่าและลูกค้าที่คึกคัก วันนี้ถูกแทนที่ด้วยรอยคราบน้ำที่สูงท่วมหัวและโคลนตมที่จับตัวหนาอยู่ทั่วพื้นร้าน

บังเลาะยอมรับว่า ความเสียหายครั้งนี้สาหัสกว่าครั้งก่อนๆ ส่วนหนึ่งเพราะปรากฏการณ์ฝนแช่ติดต่อกันเป็นวงกว้าง ทำให้คนหาดใหญ่ในตัวเมืองตั้งรับกันไม่ทัน

“ความรู้สึกแรกเลยคือมันหมดแรงนะ... เป็นเหมือนกันทุกคนแหละ”

บังเลาะเล่าถึงวินาทีแรกที่เห็นสภาพร้านหลังน้ำลด อุปกรณ์ทำมาหากิน โต๊ะ เก้าอี้ จมอยู่ใต้โคลน หากไม่รีบล้าง มันจะแข็งจนกลายเป็นหิน แต่ท่ามกลางความท้อถอย เมื่อหันไปมองหน้าคนในครอบครัว และน้อง ๆ พนักงานทุกคน ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา

“เราไม่มีเวลามานั่งเสียใจนาน เพราะเราต้องรีบฟื้นให้เร็วที่สุด”

บังเลาะเปลี่ยนความเสียใจให้เป็นพลัง โดยมองว่าแม้ข้าวของจะเสียหาย แต่มันก็ยังหาใหม่ได้ เมื่อเทียบกับหลายคนที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป สิ่งนี้จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาบอกตัวเองว่า ต้องรีบลุกขึ้นมาช่วยกันทำให้เศรษฐกิจของหาดใหญ่กลับมาเดินหน้าต่อให้ได้

แต่ลำพังแรงใจอย่างเดียว งานฟื้นฟูอาจเดินไปได้ช้า...

ในวันที่คราบโคลนยังเกรอะกรัง การติดต่อจากทีมงาน “หาดทิพย์” ที่โทรเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เปรียบเสมือนน้ำใจที่ส่งมาถึงก่อนตัว และทันทีที่ได้รับรู้ว่าพวกเขากำลังจะเข้ามาช่วย...

“รู้สึกใจฟูครับ ดีใจ... อย่างน้อยก็มีเพื่อนที่คอยมาซัพพอร์ตกัน”

บังเลาะเผยความรู้สึกเมื่อเห็นเพื่อนร่วมเมืองอย่างชาวหาดทิพย์ ซึ่งต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ การร่วมแรงร่วมใจขัดพื้นล้างโคลนในวันนั้น จึงไม่ใช่แค่การทำความสะอาดร้าน แต่เป็นการชะล้างความท้อแท้ในใจให้จางหายไป

วันนี้ ประตูร้านไก่ทอดเดชากำลังจะเปิดต้อนรับผู้คนอีกครั้ง พร้อมกับวลีทิ้งท้ายจากบังเลาะที่ฝากถึงทุกคนที่กำลังสู้ไปด้วยกันว่า “เป็นกำลังใจให้ครับ หาดใหญ่เราต้องกลับมา... สู้ๆ กันต่อไปครับ”

เมื่อเพื่อนเดินเข้ามา... ในวันที่กำแพงร้านยังไม่แห้งดี

ท่ามกลางความเงียบเหงาและเสียงไม้กวาดที่ขูดไปกับพื้นปูน เสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่หน้าหน้าร้าน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงรถมาส่งน้ำอย่างที่เคยเป็น พนักงานหาดทิพย์กลุ่มใหญ่พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดครบมือ เดินก้าวข้ามกองโคลนเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม

“เดี๋ยวพวกผมช่วยอีกแรงครับ” คำพูดสั้น ๆ จากพนักงานหนุ่มในเสื้อหาดทิพย์ กลายเป็นหยาดน้ำที่ชโลมใจผู้ประกอบการในยามอ่อนล้า ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใด

ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายจุดทั่วเมืองหาดใหญ่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ภายใต้ความตั้งใจของ คุณวรนินทร์ อัษฎามงคล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส และทีมผู้บริหาร ที่เชื่อมาโดยตลอดว่า หัวใจของการทำธุรกิจไม่ได้วัดกันเพียงตัวเลขในบัญชี แต่คือการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และการดูแลผู้คนรอบข้างให้ก้าวเดินไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง

ภายใต้การนำของคุณวรนินทร์ พนักงานหาดทิพย์จากหลากหลายแผนก ตั้งแต่ฝ่ายขาย ฝ่ายคลังสินค้า ไปจนถึงพนักงานออฟฟิศ ต่างพร้อมใจกันวางภาระงานประจำลงชั่วคราว คว้าแปรง ไม้กวาดและสายยาง มุ่งหน้าเข้าสู่ร้านโชห่วยและร้านอาหารของลูกค้าที่เคยเดินเคียงข้างกันมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เพื่อไปเช็คสต็อกหรือวางบิล แต่เพื่อช่วยล้างคราบโคลน และล้างความทุกข์ที่เกาะกินอยู่ในใจของผู้คน

เสียงจากอาสา: เรื่องเล่าจากการลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกค้า

หลังสายน้ำเริ่มลดระดับลง ความเสียหายที่ปรากฏตรงหน้ากลับชัดเจนยิ่งกว่าเดิม คราบโคลนที่เกาะแน่นอยู่ตามพื้นและผนังร้าน คือบททดสอบกำลังใจของผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก และในช่วงเวลานั้นเอง พนักงานหาดทิพย์จากหลายสาขาได้อาสาลงพื้นที่ เพื่อช่วยฟื้นฟูร้านค้าของลูกค้าที่เคยเดินเคียงข้างกันมาอย่างยาวนาน

คุณกัมปนาท หนูแก้ว หรือ พี่ปอนด์ พนักงานฝ่ายขาย สาขาพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในอาสาสมัครที่ร่วมภารกิจครั้งนี้ เล่าถึงภาพที่เห็นในวันแรกที่ก้าวเข้าไปในร้านค้าว่า ตลอดการลงพื้นที่ อาสาสมัครต้องเผชิญทั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการขนย้ายอุปกรณ์ การฉีดล้างคราบโคลนที่ฝังแน่น และสภาพอากาศที่ร้อนชื้น แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนยังยืนหยัดทำงานต่อได้ คือรอยยิ้มและคำขอบคุณจากเจ้าของร้าน เมื่อพื้นที่เริ่มกลับมาสะอาดและพร้อมเปิดประตูต้อนรับลูกค้าอีกครั้ง

“งานล้างโคลนมันหนักก็จริงครับ แต่สิ่งที่หนักไม่แพ้กันคือความรู้สึกของลูกค้า เราไม่ได้มาแค่ช่วยทำความสะอาดร้าน แต่เรามาเพื่อบอกเขาว่า เขาไม่ได้สู้เพียงลำพัง และหาดทิพย์ยังอยู่ข้างเขาเสมอ”

เสียงจากอาสาเหล่านี้ คือภาพสะท้อนของความสัมพันธ์ที่เติบโตมาพร้อมกันระหว่างหาดทิพย์กับลูกค้า ไม่ใช่เพียงในวันที่การค้าราบรื่น แต่รวมถึงวันที่ต้องจับมือกันฝ่าฟันวิกฤต เพื่อให้ทุกก้าวของการฟื้นฟูเดินไปพร้อมกันอย่างมั่นคง

ละอองน้ำที่ประโลมใจ และสายใยที่แน่นแฟ้น

สำหรับหาดทิพย์... ลูกค้าไม่ใช่เพียงผู้รับสินค้าไปจำหน่ายต่อ แต่คือ เพื่อนคู่คิดที่เติบโตมาด้วยกันตลอดหลายทศวรรษ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านน้ำท่วมมาหลายต่อหลายครั้ง ความผูกพันที่เกิดขึ้นมันถูกถักทอผ่านเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือน้ำใจและความกตัญญูต่อชุมชนเป็นที่ตั้ง

การที่คุณวรนินทร์ เลือกที่จะผลักดันให้เกิดภารกิจพิเศษนี้ขึ้นมา โดยเน้นการลงไปสัมผัสความทุกข์ร้อนของลูกค้าในระดับพื้นที่ด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ กลับมาดำเนินกิจการได้รวดเร็วขึ้นเพื่อประทังชีพ แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับภาคธุรกิจในหาดใหญ่ ว่าไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอีกกี่ครั้ง พลังแห่งความร่วมมือและความรักในท้องถิ่นจะนำพาพวกเราผ่านพ้นไปได้เสมอ

เมื่อมิตรภาพเบ่งบานท่ามกลางร่องรอยน้ำท่วม

เมื่อพื้นร้านเริ่มสะอาดตา ชั้นวางสินค้าถูกจัดเรียงใหม่ และคราบโคลนค่อย ๆ เลือนหาย สิ่งที่หลงเหลืออยู่ไม่ใช่เพียงร้านค้าที่พร้อมเปิดให้บริการอีกครั้ง หากคือความทรงจำอันล้ำค่าที่ตอกย้ำว่า “ในวันที่น้ำท่วม มิตรภาพกลับยิ่งเบ่งบาน”

เราได้เห็นการนั่งพัก พูดคุยเรื่องราวเก่า ๆ ระหว่างรอพื้นแห้ง และได้เห็นประกายความหวังกลับมาอีกครั้งในแววตาของผู้ประกอบการ

ฟ้าหลังฝนที่หาดใหญ่... จะงดงามกว่าเดิมเสมอ

วันนี้ เมืองหาดใหญ่อาจยังหลงเหลือร่องรอยของน้ำตามผนังอาคาร คราบความชื้นบางจุดอาจต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะจางหาย แต่ในหัวใจของพ่อค้าแม่ค้าหลายคน สิ่งที่ชัดเจนขึ้นคือ “พลังใจ” ที่ค่อย ๆ กลับมาอีกครั้ง

ในวันที่พายุโหมกระหน่ำ ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องเผชิญความไม่แน่นอน การได้มีใครสักคนยืนอยู่ข้าง ๆ รับฟัง และช่วยประคับประคอง คือแรงสำคัญที่ทำให้หลายคนยังลุกขึ้นสู้ต่อได้

หาดทิพย์รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสยืนเคียงข้างลูกค้าและชุมชน ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ไม่ใช่ในฐานะผู้ช่วยเหลือ หากแต่ในฐานะเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจับมือกันก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากไปด้วยกัน เราเชื่อเสมอว่า การทำธุรกิจไม่ใช่เพียงการเติบโตของตัวเลข แต่คือการเติบโตไปพร้อมกันของผู้คนรอบตัวและนี่คือความหมายของคำว่า “เคียงข้าง ผูกพัน” ที่เรายึดถือมาโดยตลอด

หาดใหญ่จะกลับมาคึกคักอีกครั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจะค่อย ๆ เติมเต็มถนนสายเดิม และไม่ว่าวันข้างหน้าจะต้องเจอบททดสอบใด การได้ก้าวไปด้วยกัน คือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดเสมอ

ขอบคุณภาพจาก Cr.Weerapong Narongkul