สถานีโกโก้ พัทลุง

26 กันยายน 2568
สถานีโกโก้พัทลุง: จากคุณค่าในเมล็ดโกโก้ สู่รอยยิ้มให้ผู้คน

ในโลกที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว เรามักหลงลืมว่าอาหารที่เรากินนั้นมีจุดเริ่มต้นจากใคร จากที่ใด และด้วยความตั้งใจมากเพียงใด รสชาติจากโรงงานกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นชิน จนบางครั้งรสแท้จากธรรมชาติดูราวกับเรื่องใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

แต่เรื่องราวของ “สถานีโกโก้” (Cocoa Station) ในเมืองพัทลุง กลับเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ หากแต่บาดลึก—“ปลูกแล้ว...จะขายใคร?”

นี่คือทางตันที่ พี่ประกิจ เต็มดี และ พี่ไพโรจน์ เพชรแดง สองผู้ก่อตั้ง เผชิญเมื่อ 8 ปีก่อน พร้อมกับเกษตรกรอีกหลายครอบครัวที่มีเมล็ดโกโก้เต็มมือ แต่ไร้เส้นทางไปต่อ ทว่าจากความเจ็บปวดนั้น กลับกลายเป็นแรงผลักให้พวกเขาลุกขึ้นมาสร้าง “สถานีโกโก้” ชุมทางแห่งความหวัง ที่ไม่เพียงเปลี่ยนเมล็ดเล็ก ๆ ให้มีค่า แต่ยังปลุกศักดิ์ศรีและรอยยิ้มให้แก่ผู้คนทั้งชุมชน

จากทางตันสู่ชุมทางแห่งความหวัง

สถานีโกโก้ไม่ได้เกิดขึ้นจากสูตรสำเร็จทางธุรกิจ แต่ก่อร่างสร้างตัวจากความมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบให้กับชุมชน พี่ประกิจและพี่ไพโรจน์เริ่มต้นจากการรวมกลุ่มเล็ก ๆ ในหมู่ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาค่อย ๆ ลองผิดลองถูก เรียนรู้ทุกอย่างจากศูนย์ เพื่อแปรรูปผลผลิตที่ไม่มีใครต้องการ ให้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า

“ถ้าไม่มีใครสร้างเส้นทางให้เรา เราก็สร้างมันขึ้นมาเอง” คำพูดของพี่ประกิจสะท้อนถึงหัวใจนักสู้ที่เลือกจะยืนหยัดและสร้างทางออกด้วยมือของตัวเอง จากกลุ่มเล็ก ๆ สู่ทั้งหมู่บ้าน และขยายออกไปไกลกว่านั้น จนสถานีแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงร้านกาแฟ หากแต่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นพื้นที่ที่บอกกับชุมชนว่า “เรายังไปต่อด้วยกันได้”

บทสนทนากับเมล็ดโกโก้

หัวใจของสถานีโกโก้คือความเชื่อที่ว่า สิ่งดีงามต้องใช้เวลา และเลือกที่จะเดินไปพร้อมกับเมล็ดโกโก้ในทุกย่างก้าว กระบวนการทำช็อกโกแลตแบบครบวงจรภายในบริษัทเดียว (Bean-to-Bar) ของพวกเขาจึงไม่ใช่แค่ขั้นตอนการผลิต แต่มันคือบทสนทนาที่ยาวนานและเงียบงัน บทสนทนาเริ่มต้นที่สวนของเกษตรกรในพัทลุง ไม่ใช่แค่การเก็บเกี่ยว แต่คือการใช้สายตาที่อ่านสีของเปลือก ใช้ปลายนิ้วที่สัมผัสเพื่อเลือกเฉพาะผลที่สุกเต็มที่ เป็นการตัดสินใจแรกที่ส่งต่อความเคารพจากคนสู่ผลผลิต

เมื่อเมล็ดสดที่ห่อหุ้มด้วยปุยขาวถูกนำมาใส่ในลังไม้ มันคือการมอบบ้านหลังแรกให้เมล็ดได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ กระบวนการหมักคือช่วงเวลาที่เมล็ดโกโก้ได้หายใจร่วมกับจุลินทรีย์ในท้องถิ่น ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในลัง คือชีพจรของชีวิตใหม่ รสฝาดขมค่อยๆ ถูกชะล้าง เหลือเพียงเค้าโครงของรสชาติที่แท้จริงรอวันเผยตัว นี่คือความมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถเร่งเวลาได้เลย

ถัดมาคือการอาบแดดเมืองพัทลุง เมล็ดโกโก้ถูกเกลี่ยอย่างเบามือ พร้อมกับการพลิกกลับเมล็ดทุก ๆ ชั่วโมงไม่ใช่แค่เพื่อให้แห้งเสมอกัน แต่คือการเปิดโอกาสให้ทุกอณูของเมล็ดได้สัมผัสกับแดดและลมของพัทลุง เป็นการซึมซับเอาพลังของสถานที่เก็บไว้ข้างใน

เมื่อเมล็ดโกโก้แห้งสนิท บทสนทนาบทต่อไปจะเข้มข้นขึ้น โดยมีเครื่องจักรเป็นเหมือนล่ามแปลภาษา แต่ผู้กำกับยังคงเป็นคนทำที่ใช้ทุกประสาทสัมผัส

หนึ่ง: การคั่ว - เวทีแรกเกิดขึ้นหน้าเตาคั่ว ที่ซึ่งคนคั่วไม่ได้ไว้วางใจโปรแกรมอัตโนมัติเหมือนที่โรงงานขนาดใหญ่ทำ แต่วางใจในสายตาที่มองสีของเมล็ดซึ่งเข้มขึ้นทีละนิด จมูกที่ดมกลิ่นซึ่งเปลี่ยนผ่านจากเปรี้ยวเป็นหอมหวาน และหูที่คอยฟังเสียงเปรี๊ยะเบา ๆ ของเปลือกที่กำลังปริตัว...นั่นคือสัญญาณที่เมล็ดกำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา

สอง: การกระเทาะ - หลังพักให้เย็นตัว เมล็ดที่คั่วหอมจะถูกส่งเข้าเครื่องกระเทาะเปลือก นี่ไม่ใช่การบดขยี้ แต่คือการปลดเปลื้องอย่างนุ่มนวลที่สุด คนทำต้องปรับตั้งเครื่องอย่างแม่นยำ เพื่อให้กลไกกระเทาะแค่เปลือกนอกออกไป และเผยให้เห็น “คาเคานิบส์” หรือหัวใจสีน้ำตาลเข้มของเมล็ดโกโก้ที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างสมบูรณ์ที่สุด

สาม: การโม่ - จากนั้นคือช่วงเวลาที่ความแม่นยำมาพบกับความอดทน คาเคานิบส์จะถูกส่งเข้าเครื่องโม่บด ที่แม้จะทำงานด้วยกลไก แต่หัวใจของมันยังคงเป็นคนทำที่ต้องเฝ้าดูแลนานนับสิบชั่วโมง เสียงของเครื่องจักรที่เดินเครื่องอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ใช่เสียงของอุตสาหกรรม แต่กลายเป็นเสียงแห่งการปลดปล่อยรสชาติ ที่ค่อยๆ ขัดเกลาอนุภาคของโกโก้ให้เนียนละเอียดจนกลายเป็นของเหลว นี่คือการใช้เครื่องจักรเป็นเหมือนคู่หู เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งรสชาติที่ละมุนละไมที่สุด

ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการเทมเปอร์ริ่ง การจัดเรียงผลึกไขมันโกโก้ให้มั่นคง คือการมอบโครงสร้างและศักดิ์ศรีให้กับช็อกโกแลตแท่งนั้น เพื่อให้มันพร้อมจะแตกหักอย่างสง่างามเมื่อถึงเวลา

ผลลัพธ์ของการเดินทาง: เมื่อเรื่องราวถูกบรรจุลงในผลิตภัณฑ์

บทสนทนาที่ยาวนานกับเมล็ดโกโก้ไม่ได้จบลงแค่ที่ช็อกโกแลตเหลวเนื้อเนียน แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ ที่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของพัทลุงจะถูกตีความและแปรรูปไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อส่งต่อเรื่องราวไปให้ถึงมือผู้คนในวงกว้าง

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเสียงของโกโก้พัทลุงที่ชัดเจนที่สุด ดาร์กช็อกโกแลต 80% คือคำตอบ มันคือหัวใจของเมล็ดโกโก้ที่ปรุงแต่งน้อยที่สุด เพื่อให้สำเนียงของพัทลุง ได้เปล่งประกายออกมาอย่างเต็มที่ ในขณะที่ มิลล์ช็อกโกแลตผสมทอฟฟี่ คือบทสนทนาที่สนุกสนานขึ้นระหว่างความขมลึกของโกโก้กับความหวานกรอบหอมเนยของทอฟฟี่โฮมเมด เป็นความต่างที่ลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ

สถานีโกโก้ยังพารสชาติเดินทางไปไกลกว่าแค่ช็อกโกแลตแท่ง ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้คนได้ง่ายขึ้นอย่างสเปรดที่มีให้เลือกถึง 3 สูตร

  1. ช็อกโกแลตอัลมอนด์สเปรด สูตรออริจินัล: คือรสชาติคลาสสิกที่ทุกคนหลงรัก ความเนียนละเอียดของช็อกโกแลตแท้ผสานกับความหอมมันของอัลมอนด์คัดพิเศษ เป็นรสชาติแห่งความสุขที่เรียบง่ายแต่ลืมไม่ลง
  2. ช็อกโกแลตอัลมอนด์สเปรด สูตรอินูลิน: คือคำตอบสำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่อยากตัดขาดจากความอร่อย พวกเขาเลือกใช้อินูลินใยอาหารจากธรรมชาติ มาให้ความหวานที่ดีต่อสุขภาพลำไส้แทนน้ำตาล เป็นความหวานที่มาพร้อมความใส่ใจ
  3. ช็อกโกแลตอัลมอนด์สเปรด สูตรอินูลิน และ ฟรีซดราย แอคทีฟ มิลค์: คือการก้าวไปอีกขั้นของการดูแล ด้วยการเพิ่มคุณค่าจากนมโคแอคทีฟที่ผ่านกระบวนการ ฟรีซดรายทำให้ได้สเปรดที่ไม่เพียงอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ เป็นเหมือนเพื่อนคู่ครัวที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่า

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจึงไม่ใช่แค่ของอร่อย แต่คือบทสรุปของการเดินทาง คือผลลัพธ์ของความตั้งใจที่อยากจะส่งมอบคุณค่าของโกโก้พัทลุงให้ไปไกลที่สุด

สถานีที่ไม่ได้หยุดนิ่ง: ชุมทางแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน

สถานีโกโก้ไม่ได้เก็บเรื่องราวการเดินทางอันยาวนานนี้ไว้เพียงลำพัง แต่เลือกที่จะเปิดบ้าน เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นชุมทางแห่งการเรียนรู้ พวกเขาเชื่อว่าความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่สุดเกิดจากการได้ลงมือทำ

ที่นี่จึงมีการจัด Workshop ช็อกโกแลตอยู่เสมอ ไม่ใช่คลาสเรียนที่จริงจัง แต่เป็นเหมือนวงสนทนาที่ผู้มาเยือนจะได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้ชิม มาเป็นผู้สร้างสรรค์ พวกเขาจะได้สัมผัสเมล็ดโกโก้ดิบด้วยมือตัวเอง ได้ดมกลิ่นหอมฟุ้งของคาเคานิบส์ที่เพิ่งคั่วเสร็จใหม่ ๆ และได้เห็นกระบวนการที่เมล็ดโกโก้หยาบกร้านค่อย ๆ แปรสภาพเป็นช็อกโกแลตเหลวเนื้อเนียนในเครื่องบด รวมถึงได้เรียนรู้ว่า หากนำช็อกโกแลตเหลวนี้ไปผ่านเครื่องสกัดน้ำมัน ก็จะสามารถแยกส่วนที่เป็นเนยโกโก้ สีขาวนวลออกจากผงโกโก้เข้มข้นได้อีกด้วย

หัวใจของ Workshop ไม่ใช่การสอนสูตรลับ แต่คือการแบ่งปันปรัชญา คือการสร้างบทสนทนาเพื่อให้ผู้คนได้กลับมาเชื่อมโยงกับอาหารอีกครั้ง หลายคนที่เข้าร่วมเดินออกไปพร้อมกับช็อกโกแลตแท่งแรกในชีวิตที่ทำเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือสายตาที่เปลี่ยนไป พวกเขาจะมองช็อกโกแลตแท่งเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะนับจากนี้พวกเขาได้เห็นเรื่องราวของเกษตรกร ความอดทน และความใส่ใจที่ซ่อนอยู่ในนั้น

ชิม “สำเนียงของพัทลุง”

เมื่อเราได้ลิ้มรสชาติช็อกโกแลตที่ผ่านกระบวนการทั้งหมดนี้ เราจะเข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่ความหวานนำหรือความขมฝาด ซึ่งเป็นรสชาติที่คุ้นเคยจากช็อกโกแลตที่เรากินมาทั้งชีวิต แต่มันคือรสชาติของเรื่องราวทั้งหมดที่เราเพิ่งผ่านมา กลิ่นอายคล้ายรัม คือผลลัพธ์ของการหมักที่สมบูรณ์ ความหวานนวลคล้ายน้ำผึ้งและกลิ่นจาง ๆ ของ ดอกไม้ป่า คือลายเซ็นของผืนดินพัทลุงที่ประทับอยู่ มันคือสำเนียงที่ไม่มีใครเหมือน

วงจรของความใส่ใจ

ทุกคำที่เราลิ้มรสจึงไม่เพียงให้ความสุข แต่ยังย้อนกลับไปเป็นรอยยิ้มและค่าเล่าเรียนให้ลูกหลานเกษตรกร เป็นกำลังใจให้คุณลุง คุณป้ายังคงปลูกและดูแลต้นโกโก้ต่อไป คือการหล่อเลี้ยงชุมชนอย่างแท้จริง

การมาที่นี่จึงไม่ใช่เพียงการดื่มโกโก้หนึ่งแก้ว แต่มันคือการร่วมเดินทางไปกับเรื่องเล่าที่ยาวนาน เป็นการชิมรสของความพยายาม ความอดทน และการเฉลิมฉลองสายสัมพันธ์ระหว่างคน ชุมชน และธรรมชาติ

บางที “สถานีโกโก้” อาจไม่ได้สอนเรามากมาย หากเพียงถามกลับมาเบา ๆ ว่า— ในชีวิตที่รีบเร่งเช่นนี้...เรากำลังเผลอลืมที่จะ “ฟัง” อะไรไปบ้างหรือเปล่า?

กิจกรรมและข้อมูลติดต่อ

สถานีโกโก้เปิดบ้านต้อนรับผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

  • กิจกรรม Workshop: สร้างสรรค์ช็อกโกแลตแท่งแรกในชีวิตด้วยมือของคุณเอง
  • กิจกรรมสำหรับเยาวชน: โปรแกรมพิเศษช่วงปิดเทอมเพื่อการเรียนรู้ที่สนุกสนาน
  • ศึกษาดูงาน: สำหรับกลุ่มองค์กรหรือผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ

สนใจติดต่อหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

  • Facebook Page: สถานีโกโก้ พัทลุง Cocoa Station
  • โทร: 085-744-6355