หาดทิพย์เจอนี่
เมื่อทั้งหมู่บ้านกลายเป็นครัวใหญ่ในเดือนสิบ ชวนชิมขนมลา บ้านหอยราก แห่งปากพนัง

ยามบ่ายที่ลมทะเลพัดเอื่อย กลิ่นเค็มจาง ๆ ลอยมากับอากาศ แสงแดดอุ่นสาดลงบนถนนเส้นเล็ก ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าสู่ “หมู่บ้านขนมลา บ้านหอยราก” หนึ่งเดียวของนครศรีธรรมราช จะสะดุดกับภาพเรียงรายของถุงใส่แผ่นขนมสีทองวางต้อนรับอยู่หน้าบ้านแต่ละหลัง เส้นบางกรอบที่ทับซ้อนกันจนเป็นแผ่นนั้น ไม่เพียงเป็นขนม หากคือหัวใจของชุมชนเล็ก ๆ ที่กลายเป็นศูนย์กลางการทำขนมลาอันเลื่องชื่อ

ศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาที่สืบทอดกว่าร้อยปี
เรื่องเล่าของชาวบ้านบอกเราว่า การทำขนมลาที่นี่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย รุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่ขาดสาย บางครอบครัวคือรุ่นที่ 3 และ 4 แล้ว หากนับเวลาก็ยาวนานกว่าศตวรรษ ซอยศรีสมบูรณ์ 8 แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนรากเหง้าของประเพณีที่ยังคงเต้นอยู่ในลมหายใจของทุกครัวเรือน


เสียง “ฉ่า” และลายเส้นสีทอง
แค่เดินเข้าใกล้บ้านสักหลัง จะได้ยินเสียงกระทะร้อนดัง “ฉ่า” คลอไปกับจังหวะกระบวยกระทบขอบเบา ๆ มือช่างยกกระป๋องเจาะรู รินแป้งเป็นเส้นเล็กพลิ้วลงบนกระทะ เคลื่อนไหววนเป็นวงกลมอย่างชำนาญ จนเกิดเป็นลายร่างแหสีทองอร่ามราวกับงานศิลป์ที่ถักทอขึ้นใหม่ทุกครั้ง เพียงได้ลองกัด เสียงกรุบกรอบก็ดังขึ้นเบา ๆ ตามด้วยรสหวานละมุนและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำตาลต้นจาก รสชาติที่พอดี ไม่จัดจ้าน แต่กลมกล่อมอย่างน่าประทับใจ — นี่แหละรสแท้ของขนมลาหอยรากที่คนปากพนังภาคภูมิใจ


สูตรเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยความพิถีพิถัน
เอกลักษณ์ของที่นี่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบที่เลือกใช้ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น
- แป้ง: ใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นหลัก ผสมข้าวเหนียวและแป้งมันเล็กน้อย เพื่อให้เส้นขนมเหนียวนุ่มและกรอบกำลังดี (ต่างจากบางพื้นที่ที่ใช้แป้งมันเป็นหลัก)
- น้ำตาล: ใช้น้ำตาลต้นจาก ในอำเภอปากพนัง กลิ่นหอมเฉพาะถิ่นที่ให้ความหวานละมุนไม่เกินพอดี
ทุกแผ่นจึงเต็มไปด้วยสมดุลที่ลงตัว ระหว่างความกรอบบางกับความหอมหวานละไม


จากกะลา สู่กระป๋องน้ำพริกเผา
เส้นทางการทำขนมลายังบอกเล่าวิวัฒนาการของกาลเวลา
- แรกเริ่มใช้ กะลา เป็นภาชนะหยอด
- ต่อมาเปลี่ยนเป็น กระป๋องนม
- ปัจจุบันนิยมใช้ กระป๋องน้ำพริกเผา ที่มีปากกว้าง หยอดได้เต็มกระทะและเร็วกว่า
แม้อุปกรณ์จะเปลี่ยนไป แต่เสน่ห์ของฝีมือและความประณีตยังคงเดิมไม่เคยเลือนหาย



ขนมลาสามรสชาติแห่งความทรงจำ
เสน่ห์ของซอยศรีสมบูรณ์ 8 คือแทบทุกหลังคาเรือนยังคงทำขนมลาขาย โดยยังรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
- ขนมลางู: เส้นเล็ก ม้วนเป็นวงคล้ายงู กินเพลิน เคี้ยวสนุก
- ขนมลาแผ่น: แผ่นใหญ่ บาง เหนียวนุ่ม ละเมียดละไม
- ขนมลาหยุก: เส้นเล็กพันกันเป็นก้อน กรอบ หวานมัน เต็มคำ
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ขนมลาบ้านหอยรากแตกต่างจากที่อื่นก็คือ การขายแบบชั่งกิโล แทนที่จะเป็นห่อเล็ก ๆ นักท่องเที่ยวจึงมักอุ้มกลับไปทีละกิโล ได้ทั้งความอร่อยและเรื่องเล่าของชุมชนติดตัวกลับบ้าน

รสชาติที่เป็นมากกว่าของหวาน
สำหรับชาวใต้ ขนมลาไม่ได้เป็นเพียงขนม หากยังเป็นหัวใจของ ประเพณีสารทเดือนสิบ ที่ลูกหลานจัดทำเพื่อนำไปถวายบรรพบุรุษ ตามความเชื่อ ขนมลา หมายถึง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่มอบแด่ผู้ล่วงลับ ทุกแผ่นที่ทอดจึงไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นเส้นใยที่เชื่อมรุ่นลูกหลานกับบรรพชนไว้อย่างแน่นแฟ้น


เสน่ห์ที่ไม่มีวันเลือนหาย
แม้ขนมลาจะพบเห็นได้หลายแห่ง แต่ขนมลาหอยรากยังคงโดดเด่นในรสชาติที่หอม กรอบ บาง และหวานละมุนเป็นเอกลักษณ์ หลายคนต่างบอกตรงกันว่าไม่เหมือนที่ไหน เพราะนี่คือฝีมือครอบครัวที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน คงไว้ซึ่งวิธีทำดั้งเดิมและความพอดีระหว่าง ไฟ มือ และแป้ง


ความท้าทายของการสืบทอด
แม้ขนมลาจะเป็นมรดกตกทอดอันยาวนาน แต่ก็เผชิญความท้าทายในปัจจุบัน ลูกหลานหลายคนเลือกเดินเส้นทางอาชีพที่ต่างออกไป เช่น รับข้าราชการหรือศึกษาต่อ ทำให้การสืบทอดวิชาการทำขนมลาอาจไม่ต่อเนื่องเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม ในทุกเทศกาลสารทเดือนสิบ ชาวบ้านก็ยังคงรวมพลังผลิต เพื่อให้วัฒนธรรมนี้ยังคงดำรงอยู่


จากซอยเล็ก สู่หัวใจผู้มาเยือน
เมื่อก้าวพ้นปลายซอย คุณอาจถือถุงขนมลาหนักหนึ่งหรือสองกิโล แต่สิ่งที่ติดกลับไปมากกว่าของฝาก คือความทรงจำถึงกลิ่นน้ำตาลจากที่อบอวล ภาพเส้นทองที่ถักทอบนกระทะ และความอบอุ่นของวิถีชุมชนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ทุกบ้าน ทุกครัว
ซอยศรีสมบูรณ์ 8 บ้านหอยรากจึงไม่ใช่เพียงแหล่งทำขนมลา หากคือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่เล่าเรื่องผ่านรสชาติ กลิ่น และภาพวิถีชีวิตเรียบง่าย ใครได้มาเยือนสักครั้งจะรู้ว่า แผ่นขนมลาเพียงหนึ่งแผ่นนั้น ซ่อนเรื่องราวและความหมายไว้นับร้อยปี
✨ หากวันหนึ่งคุณได้เดินทางสู่นครศรีธรรมราช อย่าลืมเลี้ยวเข้าซอยศรีสมบูรณ์ 8 บ้านหอยราก แล้วปล่อยให้เส้นบางกรอบของ “ขนมลา” พาคุณย้อนสู่วัฒนธรรมที่ทั้งงดงาม อบอุ่น และอ่อนหวานในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง