หาดทิพย์เจอนี่
กระจูด จากพืชริมพรุสู่งานคราฟต์ข้ามกาลเวลา

จากต้นพืชริมพรุ…สู่หัตถกรรมร่วมสมัย
ท่ามกลางผืนพรุเขียวชอุ่มที่โอบล้อมด้วยความเงียบสงบ ใบกระจูดยาวเรียวพลิ้วไหวตามแรงลมแผ่วเบา ราวกับกำลังกระซิบเล่าเรื่องราวของแผ่นดินใต้ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ยามเช้าเมื่อแสงทองสาดลงบนผืนน้ำใส เงาสะท้อนของใบไม้กลับกลายเป็นประกายมรกต ดินแดนที่ดูเหมือนหยุดเวลาเอาไว้ แต่แท้จริงแล้ว เต็มไปด้วยพลังแห่งภูมิปัญญาที่ถักทอจากรุ่นสู่รุ่น
หากเพียงมองผิวเผิน กระจูดอาจเป็นเพียงวัชพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำธรรมดา แต่สำหรับชุมชนภาคใต้ มันคือเส้นใยชีวิต ใบที่เก็บเกี่ยวด้วยความประณีตของชาวบ้าน ถูกนำมาสานเป็นเสื่อ กระบุง ตะกร้า และเครื่องใช้สารพัด ทุกชิ้นงานไม่เพียงแข็งแรงทนทาน หากยังงดงามด้วยลวดลายและเรื่องเล่าที่ซ่อนอยู่ในเส้นสาน—เรื่องราวของความอดทน ความละเอียดละเมียด และความผูกพันแนบแน่นกับธรรมชาติ
และในวันที่งานหัตถกรรมหลายแขนงค่อย ๆ เลือนหายไป กระจูดกลับฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ผ่านชื่อ “กระจูดวรรณี” แบรนด์ที่ไม่เพียงรักษาภูมิปัญญาโบราณ แต่ยังต่อยอดให้ร่วมสมัย จากของใช้ธรรมดา สู่สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจและตัวแทนวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต

ต้นกำเนิดและคุณสมบัติของกระจูด
กระจูดเป็นพืชพื้นถิ่นของภาคใต้ เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำ พรุ บึง และหนอง โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช รากที่แข็งแรงช่วยให้มันทนต่อน้ำท่วมและแดดจัด ใบที่ยาวและเหนียวสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งต่อปี คุณสมบัติเด่นของกระจูดคือ ความเหนียวและยืดหยุ่นสูง ไม่ฉีกขาดง่าย เมื่อนำไปตากแห้งก็ยังคงความแข็งแรงไว้ได้หลายเดือนโดยไม่เสื่อมคุณภาพ อีกทั้งสีและลายเส้นธรรมชาติของใบยังสวยละมุน ราวกับเส้นสายศิลป์ที่ธรรมชาติสร้างมา
เส้นใยเหล่านี้ถูกช่างฝีมือดัดแปลงให้กลายเป็นงานคราฟต์หลากหลาย ตั้งแต่เสื่อ ตะกร้า ไปจนถึงกระเป๋า เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ เมื่อผสมผสานกับเทคนิคสมัยใหม่—การปัก การเพนต์ หรือการตัดแต่งเป็นแฟชั่นร่วมสมัย สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนคุณสมบัติของพืชเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภูมิปัญญาที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น—รู้จักจังหวะเก็บเกี่ยว วิธีตาก และเทคนิคการสานที่ทำให้งานกระจูดคงทนและงดงามจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดินใต้

เส้นทางแห่งงานคราฟต์ : กระบวนการสร้างสรรค์กระจูด
กว่าที่ กระจูด หนึ่งเส้นจะกลายเป็นงานคราฟต์อันงดงาม มันต้องผ่านทั้งความรู้ ความประณีต และความอดทนของผู้ทำ ทุกขั้นตอนคือเรื่องราวที่ถักทอจากธรรมชาติสู่ศิลปะ

การเก็บเกี่ยว – เริ่มต้นจากผืนพรุ
การเดินทางของกระจูดเริ่มขึ้นท่ามกลางผืนพรุ ชาวบ้านเลือกเก็บใบที่ยาวสมบูรณ์และเหนียวกำลังดี ใช้เคียวตัดอย่างเบามือเพื่อไม่ทำลายราก ให้แตกใบใหม่ได้ต่อเนื่อง นี่คือการเก็บเกี่ยวอย่างยั่งยืน ที่เคารพทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิต
การตากและอบ – เตรียมใบให้พร้อมสำหรับการสาน
ใบกระจูดที่ถูกตัดจะถูกนำไปตากแดดจนได้ความเหนียวพอดี หากตากน้อยไปใบจะอับชื้น หากตากนานเกินไปก็จะแตกกรอบ บางชุมชนยังเลือกใช้การอบไฟอ่อน เพื่อรักษาสีธรรมชาติและยืดอายุการใช้งาน ทุกขั้นตอนคือความใส่ใจเล็ก ๆ ที่สะสมกลายเป็นคุณภาพของงาน
การย้อมสี – เติมชีวิตให้ใบกระจูด
เมื่อใบกระจูดแห้งแล้ว จึงพร้อมสำหรับการย้อมสี จากสีน้ำตาลธรรมชาติ สู่หลากหลายเฉดสีที่เติมชีวิตชีวาให้ใบกระจูด กลายเป็นผืนผ้าแห่งจินตนาการที่พร้อมให้ช่างสานแต่งแต้มลวดลาย
การสาน – ถ่ายทอดภูมิปัญญา
หัวใจสำคัญของงานกระจูดคือ การสาน ทุกเส้นใยถูกจัดเรียงเป็นลวดลาย ตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงซับซ้อน ต้องอาศัยทั้งทักษะ ความอดทน และภูมิปัญญาที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ความงามจึงไม่ได้อยู่แค่ในลวดลาย แต่ยังอยู่ในมือและหัวใจของผู้สานด้วย
การออกแบบ – จากของใช้พื้นบ้านสู่แฟชั่นร่วมสมัย
วันนี้ งานกระจูดไม่ได้หยุดอยู่เพียงเสื่อหรือตะกร้าอีกต่อไป แต่ก้าวสู่การเป็นกระเป๋าแฟชั่น เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ผลงานที่ถือกำเนิดขึ้นไม่เพียงสะท้อนความร่วมสมัย แต่ยังคงคุณค่าและเรื่องราวทางวัฒนธรรมไว้อย่างอบอุ่น

ความสำคัญของ “กระจูดวรรณี”
ครั้งหนึ่ง…งานสานกระจูดเคยเป็นเพียงวิถีพื้นบ้านสำหรับทำเสื่อและเครื่องใช้ในครัวเรือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมค่อย ๆ ลดลง มรดกแห่งภูมิปัญญานี้เกือบเลือนหายไปจากชุมชน แต่ทว่าในจังหวัดพัทลุง ได้มีกลุ่มเล็ก ๆ ที่รวมพลังกันฟื้นชีวิตให้กระจูดอีกครั้ง นั่นคือ กลุ่มกระจูดวรรณี จุดเริ่มต้นที่มาจากความเชื่อว่าภูมิปัญญาเก่านี้ยังมีคุณค่า และสามารถก้าวข้ามกาลเวลาได้

เบื้องหลังการฟื้นชีวิตให้กระจูดครั้งนี้ นำโดย คุณนัท – มนัทพงศ์ เซ่งฮวด นักออกแบบรุ่นใหม่ที่เลือกหยิบภูมิปัญญาครอบครัวมาต่อยอด เขาไม่เพียงปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่นร่วมสมัย แต่ยังสร้างแบรนด์ “Varni” จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ พิสูจน์ให้เห็นว่างานคราฟต์พื้นถิ่น สามารถยืนหยัดบนเวทีแฟชั่นระดับโลกได้อย่างสง่างาม

ดังนั้น ความสำคัญของกระจูดวรรณีไม่ได้อยู่แค่ในตัวสินค้า หากแต่อยู่ในบทบาทของการเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญา ที่ทำได้จริง - ทั้งการสร้างรายได้ให้ชุมชน การสร้างงานให้คนในพื้นที่ และการปลุกให้เยาวชนกลับมาภูมิใจในบ้านเกิดของตนเอง นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของงานหัตถกรรม แต่คือเรื่องราวของการรักษารากเหง้า พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

หากมองเพียงผิวเผิน กระจูดอาจดูเหมือนเพียงวัชพืชที่ขึ้นตามพรุและหนองน้ำ แต่เมื่อมองลึกลงไป จะเห็นว่ามันคือ เส้นใยแห่งชีวิตที่ถักทอวิถีคนใต้เอาไว้ในทุกใบ ทุกเส้น และทุกลวดลาย
กระจูดจึงไม่ใช่แค่ของใช้ หากแต่คือเรื่องเล่าของคนใต้ที่ยังคงหายใจอยู่ในปัจจุบัน และในวันนี้ กระจูดวรรณี ได้กลายเป็นตัวแทนที่พิสูจน์แล้วว่า ภูมิปัญญาเก่า ๆ เมื่อได้รับการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ก็สามารถงดงามและทรงพลังได้ไม่แพ้สิ่งใหม่ ๆ มันไม่เพียงยกระดับงานหัตถกรรมพื้นถิ่นสู่เวทีแฟชั่นระดับโลก แต่ยังสร้างรายได้ ความภาคภูมิใจ และความหวังใหม่ให้แก่ชุมชน

สุดท้ายแล้ว…กระจูดไม่ได้เป็นเพียงเส้นใยจากธรรมชาติ แต่คือเส้นใยที่ถักทอหัวใจของผู้คนเข้าด้วยกัน ให้เราได้เห็นว่า เมื่ออดีตและปัจจุบันเดินเคียงข้างกันด้วยความคิดสร้างสรรค์ อนาคตก็จะผลิบานอย่างงดงาม
📌 หากคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานและสนับสนุนงานหัตถกรรมพื้นถิ่น สามารถเข้าไปชมผลงานหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Facebook Page: กระจูดวรรณี (Varni Craft)