"โค้ก" ขวดแก้ว จากไอคอนระดับโลกสู่ความยั่งยืนในแดนใต้

25 กรกฎาคม 2568

คุณจำความรู้สึกนั้นได้ไหม? เสียงเป๊าะ! ตอนเปิดฝาจีบ รูปทรงโค้งเว้าที่แม้ในความมืดก็จดจำได้ หยดน้ำเย็นที่เกาะรอบขวดและรสซาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้... “โค้ก”ขวดแก้วกำลังกลับมาในโฉมใหม่ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความซ่าส์ เรามาดูกันว่ามันปังขนาดไหน

ดีไซน์เหนือกาลเวลา ที่ทุกคนคุ้นเคยกว่าหนึ่งศตวรรษ

“โค้ก”ขวดแก้ว หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Contour Bottle เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1915 เมื่อ The Coca-Cola Company ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดให้มีการประกวดดีไซน์ขวด “โค้ก” ภายใต้เงื่อนไขสำคัญที่กำหนดว่า แม้ขวดจะแตกเป็นชิ้น ก็ยังต้องดูออกว่าเป็นขวด “โค้ก” ที่สุดแล้วผลงานจากบริษัท Root Glass Company ชนะการประกวดนี้ ด้วยขวดรูปทรงโค้งเว้าเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเมล็ดโกโก้และกระโปรงผู้หญิงในยุคนั้น

Andy Warhol

Pakpoom Silaphan

ตลอดกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ขวด “โค้ก” ในดีไซน์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่บรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรม Pop Culture โดย Andy Warhol ศิลปินชื่อดังได้นำขวด “โค้ก”มาสร้างงานศิลปะจนกลายส่วนหนึ่งของศิลปะแบบ Pop Art นอกจากนี้ ขวด “โค้ก” ยังปรากฏในมือศิลปินและบุคคลสำคัญระดับโลกอีกมากมาย รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณภาคภูมิ ศิลาพันธ์ ศิลปิน Pop Art ชาวไทย ที่ใช้ขวด “โค้ก” สร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลกมาแล้ว

จาก Pop Art Icon สู่ทางเลือกเพื่อลดพลาสติก

จาก Pop Art Icon ระดับโลก “โค้ก”ขวดแก้ว กำลังกลับมาเป็นบรรจุภัณฑ์ทางเลือกที่คนหันกลับมาสนใจอีกครั้ง เมื่อทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดการพึ่งพาบรรจุภัณฑ์พลาสติก เพราะขวดแก้วแบบคืนขวดสามารถนำกลับมาล้างทำความสะอาด และใช้ซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่าตราบเท่าที่ขวดยังอยู่ในสภาพดีตามมาตรฐานระดับโลกของ “โค้ก”

หาดทิพย์จึงทุ่มงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท สร้างไลน์ผลิตใหม่ด้วยเทคโนโลยีบรรจุขวดแก้วที่ทันสมัยที่สุด เพื่อชุบชีวิตตำนานนี้ให้สดใสกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่ทันสมัย แต่ยังสั่งผลิตขวดแก้วและลังบรรจุใหม่ทั้งหมด โดยขวดรุ่นใหม่นี้เปลี่ยนจากการสกรีนบนขวด (ที่เกิดรอยง่าย) มาใช้ฉลากกระดาษย่อยสลายได้ ซึ่งจะเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่ขวดหมุนเวียนกลับมา ส่วนลังรุ่นใหม่ก็ออกแบบมาเพื่อลดการกระแทก ช่วยถนอมขวดให้ใช้ซ้ำได้นานขึ้น เป็นการประหยัดทรัพยากรและลดการใช้พลาสติกไปพร้อมกัน และไม่เพียงแต่ “โค้ก” เท่านั้น ขวดแก้วคืนขวดนี้ยังมีในแบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำในเครือโคคา-โคล่าที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยหาดทิพย์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เช่น “แฟนต้า” “สไปรท์” และน้ำส้ม “มินิทเมด” อีกด้วย

เส้นทางกลับบ้านของขวดแก้ว

เมื่อขวดแก้วถูกใช้จบหนึ่งรอบ ชีวิตมันยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด — แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางกลับบ้าน ขวดแก้วที่ถูกรวบรวมจะถูกส่งกลับสู่โรงงานหาดทิพย์ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด ก่อนจะกลับมาใหม่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมบรรจุเครื่องดื่มอีกครั้ง ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีที่แม่นยำและการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดตามขั้นตอน ดังนี้

การล้างฆ่าเชื้อด้วยความร้อน: ขวดแก้วทุกขวดจะผ่านกระบวนการล้างทำความสะอาดด้วยความร้อนอุณหภูมิสูงและสารทำความสะอาดสูตรเฉพาะที่ปลอดภัย 100% เพื่อกำจัดทุกสิ่งปนเปื้อนที่มองไม่เห็น

การสแกนด้วยแสงเลเซอร์ความเร็วสูง: จากนั้นขวดจะถูกทดสอบด้วยเทคโนโลยีสแกนแสงความเร็วสูงที่จะตรวจสอบทุกตารางนิ้ว คัดกรองทุกรอยร้าวหรือตำหนิที่เล็กที่สุดออกไป มีเพียงขวดที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ

กระบวนการบรรจุที่รวดเร็วและสะอาด: ขวดที่ผ่านการทดสอบจะถูกบรรจุด้วยความสดชื่นอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีความเร็วสูงถึง 48,000 ขวดต่อชั่วโมง หรือเฉลี่ยกว่า 13 ขวดในทุกวินาที

การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด… ในมือของเรา

ขวดแก้วไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ครั้งเดียวแล้วจบ แต่เกิดมาเพื่อหมุนเวียนความสุขอย่างยั่งยืน และความยั่งยืนนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีผู้คนที่เลือกมัน

ทุกครั้งที่คุณเลือก “โค้ก” ขวดแก้ว

มากไปกว่าความซ่าส์สดชื่นที่ถูกใจ คือการที่คุณเลือกเดินทางร่วมกับหาดทิพย์ในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและลดการพึ่งพาพลาสติก คุณไม่ได้เป็นแค่ผู้บริโภค — แต่คือผู้ร่วมภารกิจในการส่งต่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้สังคมภาคใต้ของเรา

Cr. www.historyoasis.com/post/andy-warhol-coca-cola

www.pakpoomsilaphanstudio.com/