หาดทิพย์เปิดงบไตรมาส 2 ชี้ท่องเที่ยว เกษตร ชะลอตัวทำกำลังซื้อแผ่ว เปิดตัวไซส์ใหม่ 10 บาท พร้อมปรับเพิ่มประสิทธิภาพสู้ความผันผวนครึ่งปีหลัง

15 สิงหาคม 2568

กรุงเทพฯ 15 สิงหาคม 2568 – บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC แถลงผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ประจำปี 2568 ชี้แนวโน้มการบริโภคเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (non-alcoholic ready-to-drink : NARTD) .ในพื้นที่ภาคใต้ชะลอตัวลง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายลดลง 12.7% และกำไรสุทธิลดลง 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงาน พร้อมเปิดตัวเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่ 250 มิลลิลิตร ที่ระดับราคา 10 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ แถลงผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 1,938.4 ล้านบาท ลดลง 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จากการชะลอตัวลงของภาคการท่องเที่ยว ข้อมูลรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ภาคใต้ได้ลดลงถึง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (QoQ) นอกจากนี้ รายได้จากภาคเกษตรก็หดตัวลง โดยเฉพาะยางพาราซึ่งได้รับผลกระทบจากทั้งราคาในตลาดโลกที่ลดลงและผลผลิตที่ได้น้อยลงจากสภาวะ ฝนตกชุก ส่งผลให้รายได้จากยางพารามีการหดตัวถึง 20.6% และรายได้จากภาคเกษตรโดยรวมหดตัวถึง 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สภาวการณ์ดังกล่าวประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจากนโยบายการเก็บภาษีการค้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้บริโภคมีความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ทางธุรกิจที่ผันผวนเช่นนี้ บริษัทฯ ได้เร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยจากมาตรการการปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์ก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทฯ ใช้ปริมาณวัตถุดิบที่น้อยลง กอปรกับต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ต่ำลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นประจำไตรมาส 2 ของปี 2568 นี้ อยู่ที่ 42.7% หรือเพิ่มขึ้น 0.7 จุดเปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A expenses) รวม เท่ากับ 660.7 ล้านบาท ลดลง 10.3% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี จากการที่บริษัทฯ มีรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว คือ การด้อยค่าเครื่องจักรสายการผลิตขวดแก้วเก่า ณ โรงงานหาดใหญ่ จ.สงขลา และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อระยะยาวเพื่อลงทุนในเครื่องจักรสายการผลิต PET Line สายที่ 3 และ สายการผลิตเครื่องดื่มบรรจุขวดแก้ว ณ โรงงานพุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี ทำให้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 142.7 ล้านบาท หรือลดลง10.3% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิของบริษัทยังอยู่ที่ 7.4% เพิ่มขึ้น 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน

พลตรี พัขร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เปิดเผยถึงแนวทางการรับมือกับสถานการณ์ทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ว่า “ตลาดเครื่องดื่มภาคใต้ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่แผ่วลง โดยธุรกิจท่องเที่ยวที่ช่วยผลักดันยอดขายของเราในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เราเคยผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนและเชื่อมั่นว่าถ้าเราสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เราจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ในที่สุด โดยในช่วงที่ผ่านมา การทำรายการส่งเสริมการขายโดยแถมแก้ว Coca-Cola เมื่อซื้อเครื่องดื่มในขนาด 1.25 ลิตร ได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากร้านค้าและผู้บริโภค ซึ่งทำให้เห็นว่าหากเราเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริงและสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคได้ โอกาสในตลาดก็ยังมีอยู่เสมอ นอกจากรายการส่งเสริมการขายดังกล่าวแล้ว ช่วงทีผ่านมาเราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำอัดลมในขนาดใหม่ 250 มิลลิลิตร ที่ระดับราคา 10 บาท ซึ่งเป็นขนาดและราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้าในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เรามั่นใจได้ว่า แม้สถานการณ์จะไม่เป็นใจ แต่เราจะยังสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันกับสินค้าคู่แข่งได้”

จากข้อมูลของบริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในพื้นที่ภาคใต้ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 หดตัวลง 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นการหดตัวของกลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม 5.7% และกลุ่มน้ำผลไม้พร้อมดื่ม 8.0% ขณะที่กลุ่มน้ำดื่มยังคงเติบโตได้ที่ 1.2% ทั้งนี้ หาดทิพย์ยังเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยมีมูลค่าส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 24.2% และส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมสูงถึง 78.0%