Haadthip Journey
เรือพระแห่งระโนด…แรงศรัทธาที่เชื่อมหัวใจคนท้องถิ่น

ยามสายของหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมคลองในตำบลพังยาง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา แสงแดดอุ่นละมุนส่องลอดผ่านยอดตาลที่เรียงราย สะท้อนระยิบระยับบนผิวน้ำ เสียงหัวเราะของชาวบ้านวัดดอกสร้อยดังคลอไปกับจังหวะไม้กระทบกันอย่างพร้อมเพรียง ภาพของผู้คนที่ขะมักเขม้นช่วยกันทำงานใหญ่ประจำปีดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา — งานสร้าง “เรือพระ” ที่ไม่ใช่เพียงเรือไม้ธรรมดา หากแต่คือเรือแห่งศรัทธาและความผูกพันที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
เรือพระวัดดอกสร้อย…ลำที่เกิดจากสองมือและหัวใจของคนในชุมชน คือสัญลักษณ์ของความร่วมแรงร่วมใจ ความเชื่อมั่น และความภาคภูมิใจของคนระโนด ที่ยังคงรักษาความงดงามของประเพณี “ชักพระ” ไว้อย่างเหนียวแน่นทุกปีเพียงได้เห็นเรือพระลำงามเคลื่อนผ่านถนน ก็เหมือนได้เห็นเรื่องราวของผู้คนที่รวมกันด้วยพลังศรัทธาและความรักในบ้านเกิด


ปรัชญาแห่งหัวใจ…จากชาวบ้านสู่งานศิลป์
สิ่งที่ทำให้เรือพระวัดดอกสร้อยแตกต่าง อาจไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกอันวิจิตรตระการตา แต่คือ หัวใจของผู้คนที่ร่วมแรงร่วมใจอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำถามเรียบง่ายว่า “ชาวบ้านจะช่วยกันได้อย่างไร?”จากนั้นความถนัดของแต่ละคนก็ถูกถักทอเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งช่างไม้ ช่างแกะสลัก ช่างเย็บ ช่างตกแต่ง ไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ที่ร่วมเล่าเรื่องราวและให้คำแนะนำ ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยความภาคภูมิใจ — เพราะนี่ไม่ใช่เพียงงานสร้างเรือ หากคือ งานสร้างหัวใจที่รวมความสามารถ ความเชื่อ และความผูกพันของคนในชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน


ความงามยังอยู่ที่ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัดดอกสร้อยเลือกใช้วัสดุจากสิ่งรอบตัวอย่างคุ้มค่า ตั้งแต่ใบตาล ก้านตาล ลูกตาล ไปจนถึงงวงตาล งวงตาลที่เคยใช้ทำน้ำตาล ถูกนำมาผ่าทำเป็นเกล็ดพญานาคระยิบระยับบนลำเรือ ส่วนเศษก้านตาลเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านช่วยกันเตรียมยามว่าง ก็กลายเป็นชิ้นงานประณีตที่เปี่ยมด้วยชีวิต เพราะสำหรับชาวบ้านวัดดอกสร้อย…การทำเรือพระไม่ใช่แค่การเตรียมขบวนแห่ แต่มันคือการรวมใจให้เต้นไปพร้อมกันในจังหวะแห่งศรัทธาและความงามของถิ่นฐาน



ความสุขที่ร้อยเรียงด้วยแรงกายแรงใจ
เรือพระวัดดอกสร้อยจึงไม่ใช่เพียงผลงานศิลป์ หากแต่เป็นภาพสะท้อนของความสุขร่วมกันที่ค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นจากหัวใจของทุกคน เมื่อผลงานของแต่ละคนถูกประดับลงบนเรือพระ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ที่ช่วยร้อย ก้านตาลที่ช่วยสาน หรือเกล็ดพญานาคที่ช่วยแต่ง ทุกสายตาล้วนเปล่งประกายด้วยความภูมิใจ เหมือนได้เห็นส่วนหนึ่งของตนเองอยู่บนลำเรือแห่งศรัทธานั้น
ยามเย็นในลานวัด ดวงอาทิตย์สีทองคล้อยต่ำ ผู้คนล้อมวงพูดคุยกันท่ามกลางเสียงหัวเราะ บ้างร้อยดอกไม้ บ้างส่งต่อรอยยิ้ม บรรยากาศอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความผูกพัน ความสุขของค่ำคืนนั้น… ไม่ได้อยู่ที่ความงดงามของเรือพระเท่านั้น หากอยู่ที่ความงามของการได้อยู่ร่วมกัน ความสุขเรียบง่ายที่ชาวบ้านวัดดอกสร้อยยังคงรักษาไว้ในทุกปีแห่งประเพณี




นวัตกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
แม้เรือพระวัดดอกสร้อยจะสร้างขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้มันมีชีวิต คือ ความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานอยู่ในทุกขั้นตอนของชาวบ้านระโนด แต่ละชิ้นส่วนของเรือไม่ได้ถูกทำขึ้นอย่างเร่งรีบ หากถูกออกแบบอย่างมีความหมายและผ่านมือคนที่รู้จักวัสดุรอบตัวเป็นอย่างดี
พวกเขาเรียกชื่อชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยภาษาท้องถิ่นอันอบอุ่น เช่น “ตุ๊ตู่” กะลามะพร้าวที่นำมาติดแต่งให้เกิดลวดลายเฉพาะ หรือ “จัง” ดอกไม้ที่จัดวางอย่างประณีตเพื่อเพิ่มสีสันและมิติให้กับลำเรือ คำเรียกเหล่านี้อาจดูเล็กน้อย แต่กลับสะท้อนถึงความพิถีพิถัน ความผูกพันและความใส่ใจในรายละเอียดของชาวบ้านที่แฝงอยู่ในทุกอณูของงาน


แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ… สู่งานศิลป์บนลำเรือพระ
แรงบันดาลใจของชาวบ้านวัดดอกสร้อยมาจากธรรมชาติรอบตัวที่พวกเขาคุ้นเคยและอยู่ร่วมด้วยทุกวัน เช่น ใบตาลที่วางทับสลับกันจนเกิดลวดลายคล้ายปล้องคอพญานาค หรือก้านดอกไม้ที่ถูกผ่าอย่างประณีต กลายเป็นแก้มพญานาคที่อ่อนช้อยเพียงแค่จัดวางอย่างพอดี โดยแทบไม่ต้องประดิษฐ์เติมแต่งอะไรเลย เพียงแค่หยิบสิ่งที่มีอยู่แล้วมาจัดวางอย่างเหมาะสม ทุกอย่างล้วนเกิดจากสายตาที่มองเห็นคุณค่าในสิ่งธรรมดา และหัวใจที่อยากให้สิ่งเหล่านั้นมีชีวิตใหม่อีกครั้ง

นอกจากภูมิปัญญาชาวบ้านแล้ว ยังมีช่างฝีมือในชุมชนที่ร่วมเติมเต็มความงามให้เรือพระวัดดอกสร้อย หนึ่งในนั้นคือ พี่อวบ (นายอวบ มารักษ์) ผู้เชี่ยวชาญงานปิดทองและเขียนลายรดน้ำ ที่นำทักษะศิลปะไทยอันละเอียดอ่อนมาผสมผสานกับวัสดุพื้นบ้านได้อย่างกลมกลืน ผลลัพธ์คือเรือพระที่งดงามทั้งรูปทรงและความหมาย เป็นงานที่สะท้อนทั้งความศรัทธาและความสามารถของคนในชุมชนได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย


ความหมายที่เหนือกว่ารางวัล
สิ่งที่ชาววัดดอกสร้อยย้ำอยู่เสมอคือ “ประเพณีต้องคงอยู่ก่อน” คำเรียบง่ายที่สะท้อนหัวใจของคนทำเรือพระได้อย่างแท้จริงพวกเขาไม่ได้สร้างเรือเพื่อแข่งขัน หากเพื่อรักษาจิตวิญญาณของงานบุญให้คงอยู่กับชุมชน แม้ปัจจุบันจะมีเรือพระหลากรูปแบบ ทั้งเรืออนุรักษ์จากวัสดุธรรมชาติ และเรือโฟมที่โดดเด่นด้วยความวิจิตร แต่ชาวบ้านวัดดอกสร้อยยังคงยืนหยัดบนเส้นทางเดิม เส้นทางแห่งภูมิปัญญา ความพอเพียง และความเรียบง่าย
พวกเขาคือกลุ่มแรก ๆ ที่ริเริ่มแนวคิดเรือพระอนุรักษ์และส่งต่อแรงบันดาลใจให้หลายวัดหันกลับมาใช้วัสดุจากธรรมชาติอีกครั้ง เพราะสำหรับพวกเขา…ความหมายของเรือพระไม่ได้อยู่ที่รางวัล แต่อยู่ที่ความสามัคคีและความภูมิใจที่ได้ทำร่วมกันด้วยหัวใจเดียวกัน


วันออกพรรษา…วันที่เรือพระออกเดินทาง
เมื่อวันออกพรรษามาถึง วันที่ผู้คนรอคอยมาทั้งปี เรือพระวัดดอกสร้อยลำงามที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้น ก็ถูกเคลื่อนออกจากลานวัดอย่างสง่างามสู่ถนน ขบวนชักพระผ่านไปท่ามกลางเสียงกลองดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน ประกอบกับเสียงโห่ร้องและเสียงสาธุที่ดังรับกันเป็นระยะ ๆ รอยยิ้มและแววตาแห่งศรัทธาแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของผู้คนตลอดขบวน


ภาพของเรือพระวัดดอกสร้อยในวันนั้น จึงไม่ใช่เพียงขบวนแห่ หากคือสัญลักษณ์ของ ความเชื่อ ความผูกพันและความสามัคคีของคนระโนดที่ร่วมกันร้อยเรียงทุกแรงกายแรงใจให้กลายเป็นสิ่งงดงามหนึ่งเดียว
สำหรับชาวบ้านวัดดอกสร้อย… เรือพระลำนี้คือคำตอบของทุกอย่าง เพราะมันสร้างจากสิ่งรอบตัวและหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งชุมชน